ประกาศข่าวประเสริฐใครๆก็ทำได้

คำนำ วันนี้อยากจะให้การประกาศไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่ากลัว จึงอยากใช้หัวข้อว่า “ประกาศข่าวประเสริฐใครๆก็ทำได้”
หัวข้อนี้อาจจะทำให้หลายท่านรู้สึกว่า หนักใจ น่าจะเป็นบางคนเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่ประกาศข่าวประเสริฐ หรือผู้ที่ได้เรียนมา โดยตรง
ในกิจการ1:8 “แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
นับเป็นคำกำชับสุดท้ายก่อนที่พระเยซูจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์กล่าวกับผู้เชื่อทุกคน ไม่เฉพาะอัครสาวกแต่รวมถึงผู้เชื่อทุกคนที่อยู่ที่นั่น เริ่มใช้คำว่า “แต่ท่านทั้งหลาย” คำนี้ ใช้กับทุกคน ว่า เขาจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช และเขาจะเป็นพยานฝ่ายพระเยซู พื้นที่ในการเป็นพยาน ไม่ได้บอกว่า เริ่มจากใกล้ให้เรียบร้อยก่อนจึงขยายไปที่อื่น แต่พระองค์กำลังบอกเราว่าพื้นที่การประกาศนั้นมีมากมายเหลือเกินที่จะต้องช่วยกันทำให้ทั่วถึงทุกพื้นที่

ประกาศข่าวประเสริฐใครๆก็ทำได้ มีวิธีไหนบ้างที่ท่านสามารถทำได้

โดยเป็นเกลือและแสงสว่าง

“ท่านทั้งหลายเป็นเกลือแห่งโลก ถ้าเกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้ว จะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ แต่นั้นไปก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร มีแต่จะทิ้งเสียสำหรับคนเหยียบย่ำ ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไม่ได้ เมื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์”

มธ.5:13-16

มีชายคนหนึ่งร่อนหาทองในรัฐมอนแทนนา เขาพบหินที่ไม่ธรรมดาเมื่อกะเทาะแตกปรากฏว่าข้างในเป็นทอง และต่อมาเขายังพบแร่ที่มีค่าอยู่อีกมาก เขากะว่าจะตะโกนเสียงดังเพราะความยินดีแต่เขาต้องหยุดไม่กล้าตะโกน เกรงว่าคนจะรู้ หลังจากนั้นเมื่อเขาจะออกจากที่พักเพื่อไปร่อนทองอีก ปรากฏว่ามีคนมารอที่จะไปด้วยนับร้อยคน ชายคนนี้จึงถามว่ามีใครบอกท่านหรือว่าเราพบทองและแร่ที่มีค่า คนเหล่านั้นจึงตอบว่า ไม่มีใครบอกดูใบหน้าก็รู้ ใบหน้ามันฟ้อง (คือคนที่พบของดีแล้ว มันจะแสดงออกเก็บอาการไม่อยู่) เช่นกันท่านมีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน คือมีพระเยซูคริสต์อยู่ภายใน เราจะสำแดงออกจากชีวิตเราแน่นอน
พระเยซู กำลังให้บรรดาผู้ที่ติดตามพระองค์ว่าเขาเป็นเกลือและแสงสว่าง ให้กับคนในโลกนี้ เพื่อให้คนในโลกนี้ได้เห็นข่าวประเสริฐผ่านชีวิตของท่าน
ประกาศข่าวประเสริฐแบบนี้เราสามารถประกาศได้ทุกแห่งเริ่มจากในบ้านของเรา ไม่ได้ลงทุนอะไร เพียงให้เรา เป็นอย่างที่พระเยซูให้เราเป็น ท่านได้ทำหน้าที่ผู้ประกาศที่ดีแล้ว ถ้าท่านทำอย่างนี้ เราจะช่วยกันและกัน ในครอบครัว ในคริสตจักร คือคนที่อ่อนแอ ขาดตกบกพร่องก็จะได้เห็นแสงสว่างจากตัวท่านหรือแม้แต่ครอบครัวของเราบางคนอาจจะยังไม่เชื่อ เขาก็จะประทับใจและอยากเชื่อพระเยซูจังเลยจะทำอย่างไรดี เป็นโอกาส ที่จะนำคนในครอบครัวได้รู้จักพระเจ้า
อยากไหมในประกาศท่านทำได้และทุกคนทำได้

โดยใช้คำพูดและชักชวน ด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ

“ถ้าท่านทั้งหลายใฝ่ใจประพฤติความดี ผู้ใดจะทำร้ายท่าน 14แต่ถึงแม้ว่าท่านทั้งหลายต้องทนทุกข์ เพราะเหตุประพฤติการชอบธรรม ท่านก็เป็นสุข อย่ากลัวเขา และอย่าคิดวิตกไปเลย 15แต่ในใจของท่าน จงเคารพนับถือ พระคริสต์ว่าเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อท่านจะสามารถตอบทุกคนที่ถามท่านว่า ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ด้วยเหตุผลประการใด แต่จงตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ”

1 เปโตร 3:13-15


เป็นช่วงเวลา ที่ท่านได้เก็บเกี่ยวผลที่ท่านได้ตั้งใจเป็นเกลือและแสงสว่างจะมีคนถามท่านว่า “เอ้ เชื่อพระเยซูเชื่อเขาทำกันอย่างไร” ให้ท่านตอบด้วยใจสุภาพและด้วยความนับถือ ทั้งการกระทำและคำพูดของท่านได้กล่าวเป็นการประกาศข่าวประเสริฐ ท่านว่าเพียงแต่เราใส่ใจ การประกาศจึงไม่ใช่เป็นเรื่องอยากอีกต่อไป

โดยการอธิษฐาน

“มีผู้ใดในพวกท่านทนทุกข์หรือ จงให้ผู้นั้นอธิษฐาน มีผู้ใดร่าเริงยินดีหรือ จงให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญ 14มีผู้ใดในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ จงให้ผู้นั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเพื่อเขา และเจิมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า 15และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงโปรดให้เขาหายโรค และถ้าเขาได้กระทำบาปพระองค์ก็จะทรงโปรดอภัยให้ 16เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล”

ยากอบ 5:13-16

ผู้เชื่อถูกนับว่าเป็นผู้ชอบธรรมทางพระเยซูคริสต์ คำอธิษฐานของท่านมีพลังช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคนที่ยังไม่เชื่อมารู้จักพระองค์ได้ เพียงท่านอย่าเพิ่งท้อใจท่านจะเก็บเกี่ยวในเวลาที่เหมาะสม หรือ ท่านสามารถอธิษฐานเผื่อบุคคลใดที่มีความจำเป็นและประสงค์ให้ท่านอธิษฐานเผื่อเวลานั้นให้ท่านใช้สิทธิ์ที่พระเจ้าให้อย่าลืมคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมมีพลังทำให้เกิดผล
ในเนื้อหาได้สรุปว่า “คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล” คำว่าผู้ชอบธรรมคือใคร ไม่ใช่ ศจ.ใส่เสื้อคลุมยืนทำพิธี แต่ทุกคนที่เป็นบุตรของพระเจ้า คือผู้ชอบธรรม พระเจ้าทรงนับท่านว่าท่านเป็นผู้ชอบธรรม คำอธิษฐานที่ทุ่มเทและจริงจัง มีพลังทำให้เกิดผลได้
อย่ากลัวที่จะอธิษฐานเผื่อลูกหลาน คนในครอบครัว หรือ คนอื่นที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ไม่ว่า เราจะไปเยี่ยมใคร ก่อนจาก เราจะขออนุญาต อธิษฐานอวยพรคนนั้นๆ ทุกคนต้องการพระพร แต่แท้จริงเป้าหมายสูงสุดคือเราต้องการให้รู้จักกับพระเยซูคริสต์ วันนี้ให้ท่านกล้าที่จะอธิษฐาน พระเจ้าจะให้คำอธิษฐานของทานมีพลังให้เกิดผลแน่นอน

โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า

“จงไปพลางประกาศพลางว่า <แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว> 8จงรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย คนตายแล้วให้ฟื้น คนโรคเรื้อนให้หายสะอาด และจงขับผีให้ออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ จงให้เปล่าๆ ”

มัทธิว 10:7-8

ท่านและข้าพเจ้าเป็นคนธรรมดา แต่พระเจ้าที่ท่านเชื่อไม่ธรรมดา พระเจ้าสามารถใช้ท่านคนธรรมดาให้สำแดงฤทธิ์เดชของพระองค์ได้ มีอะไรมากมายที่เราสามารถยืนยันจากประสบการณ์ชีวิตของท่านทั้งหลายเองว่าพระเจ้าช่วยท่านได้ฤทธิ์เดชของพระองค์ คือ เกินที่ท่านทำได้แต่พระเจ้าช่วยท่าน

โดยทุกวิถีทาง

“ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้คนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง 23ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น”

1 โครินทร์ 9:22-23

เปาโลว่ายอมเป็นคนทุกชนิดเพื่อจะช่วยคนเหล่านั้นให้รอด หมายถึง สามารถเข้าหาคนทุกกลุ่มและทุกประเภทได้ มองเขาเป็นฝีพระหัตถ์แห่งการทรงสร้าง เขาเป็นพระฉายาของพระเจ้า ไม่รังเกียจ แต่พร้อมเสมอที่จะให้เขารู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกทาง

สรุป วันนี้ การประกาศไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยากอีกต่อไปสำหรับท่าน ถ้ามีความตั้งใจและมุ่งมั่นพระเจ้าทำการผ่านชีวิตท่าน การประกาศใครๆก็ทำได้ อาเมน

Leave a Comment

Your email address will not be published.